Monday, 27 March 2023

2 ปี รัฐประหารพม่า อำนาจในเงื้อมมือทหาร คำมั่นจัดเลือกตั้ง แค่เรื่องจอมปลอม

ผ่านไป 2 ปี รัฐประหารใน พม่า จากน้ำมือพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา นำกำลังทหารเข้ายึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนของออง ซาน ซูจี ภายหลังพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ชนะการออกเสียงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ย. 2563 อย่างถล่มทลายกระทั่งครองเสียงข้างมาก จัดเตรียมจะเปิดสัมมนาสภาครั้งแรกภายใน 90 วัน

ท่ามกลางกลิ่นรัฐประหารโชยมา รวมทั้งรวมทั้งเป็นจริง เมื่อกองทัพอ้างความเป็นธรรมในการก่อรัฐประหารเมื่อเช้าตรู่ วันที่ 1 ก.พ. 2564 กล่าวว่า มีการโกงเลือกตั้ง และเข้าจับกุมตัวออง ซาน ซูจี รวมถึงนักการเมืองที่เกี่ยวโยง ส่วนอีกคนไม่ใช่น้อยสามารถหลบหนีไปได้ แล้วก็ภายหลังได้ตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ มาจากหลากหลายชาติพันธุ์ เพื่อคานอำนาจกองกองทัพเมียนมา

พลเอกรัฐประหารใน พม่า รัฐประหาร สงครามพม่า
การก่อรัฐประหาร พม่า ทำให้เกิดการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน 1 ปี

แต่งตั้งพล.อ.มินต์ ส่วย รองประธานาธิบดี ทำหน้าที่ประธานาธิบดีรักษาการ ต่อมามีการขยายสถานการณ์ฉุกเฉินเป็น 2 ปี 6 เดือน แล้วก็ยังทำให้เมียนมาเกิดการนองเลือดทั่วแผ่นดิน ผู้เห็นต่างถูกจับกุม สูญเสียชีวิต หายสาบสูญ และก็พลัดถิ่นอาศัย ซึ่งข้อมูลของ ACLED มีการเฝ้าสังเกตความร้ายแรงในหลายประเทศ กำหนดมีผู้เสียชีวิตในเมียนมาราว 1.9 หมื่นคน

2 ปีผ่านไป กับเสียงปืนเสียงระเบิดที่ พม่า

การสู้รบเพื่อปราบผู้เห็นต่าง บริเวณแนวชายแดนติดกับไทย มีเป็นระยะ ๆ สร้างความหวาดผวาให้กับชาวไทยที่อาศัยในพื้นที่ ยังไม่รวมเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจถูกปกปิดไม่ออกมาสู่โลกภายนอก และก็ต้องจับตาดูท่าทีกองกองทัพเมียนมา จะจัดการออกเสียงไม่เกินเดือน ส.ค. 2566 นี้ ตามที่ให้คำมั่นหรือไม่ หลังออกกฎที่ต้องปฏิบัติใหม่ให้เอื้อต่อพรรคสหภาพสามัคคีแล้วก็การพัฒนา ซึ่งเป็นผู้แทนทหาร

แต่บางทีอาจไม่ง่าย ด้วยเหตุว่าสมาชิกพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย คิดว่าเป็นเรื่องจอมปลอม
และก็ถ้าหากมีเลือกตั้งจริง ก็จะไม่ยอมรับผลการลงคะแนนเสียง ซึ่งสอดคล้องกับความเห็นของ

พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย

“ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู” นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

เพราะเรื่องการจัดการเลือกตั้งของกองทัพเมียนมา ตามข้อสมมติฐานต่างเชื่อกันว่าเป็นการสร้างความชอบธรรมให้กับทหารเมียนมา จะต้องทำตามรัฐธรรมนูญกำหนด หลังประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดไปเมื่อสิ้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา โดยการจัดเลือกตั้งใหม่ ได้วางเงื่อนไขให้ลงทะเบียนพรรคใหม่ จะต้องมีสมาชิกพรรค 1 แสนคนขึ้นไป และมีสาขาของพรรคจำนวนครึ่งหนึ่งของประเทศ ทำให้พรรคฝ่ายตรงข้ามมีปัญหาเรื่องความพร้อม

“การเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลทหาร จะแพ้ไม่ได้ จะต้องมีวิธีการของตัวเอง แต่หากจัดเลือกตั้งไปแล้ว มีความไม่ชอบมาพากล ความชอบธรรมไม่เกิดกับประชาชน ถูกต่อต้านไม่หยุด และไม่ยอมให้ต่างชาติมาสังเกตการเลือกตั้ง เพราะกฎกติกาไม่เป็นธรรมกับคู่แข่ง ก็เป็นไปตามข้อสมมติฐานเชื่อว่าการเลือกตั้งเป็นเรื่องสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง และความรุนแรงจะเกิดขึ้นอีก หากไม่แก้ปัญหาอย่างแท้จริง”

ทั้งยังฉันทามติ 5 ข้อของอาเซียน เพื่อแก้วิกฤติรวมทั้งยุติความรุนแรงในเมียนมา ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ทำให้ปราศจากความน่าไว้วางใจ ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และคนภายในประเทศ จนกระทั่งประชาคมโลกไม่ไว้วางใจว่าการออกเสียงในลักษณะนี้จะขจัดปัญหาความขัดแย้งในเมียนมาได้ แล้วก็รัฐบาลทหารเมียนมาต้องทำอะไรให้มากกว่านี้ เพื่อผลการออกเสียงมีความยุติธรรม

ระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่กองทัพ พม่า มีการรัฐประหาร ยังคงไม่ได้ รับการยอมรับ จาก นานาชาติ รวมทั้งอาเชียน ก็ไม่ยินยอม ให้ผู้แทนเมียนมา เข้าร่วมประชุม เนื่องจากว่าไม่ สามารถทำให้ นานาชาติ ไว้เนื้อเชื่อใจ ทำให้การลงคะแนน ไม่สนองตอบอย่าง โดยความเป็นจริง ว่า รัฐบาลทหาร เมียนมา ถือมั่น ในหลักระบบประชาธิปไตย แล้วก็เมื่ออยู่ในอำนาจ ก็สามารถทำอะไรก็ได้ อย่างที่ผ่านมา ไม่เคยสนใจ นานาชาติ บางทีก็อาจจะ ไม่จัดลงคะแนนเสียงก็ได้ รวมทั้งขยายสถานการณ์ ฉุกเฉินออกไปอีก ด้วยเหตุว่าต้องการยึดอำนาจให้อยู่ในเงื้อมมือทหาร

“คิดว่ากองทัพเมียนมามั่นใจ จะกลับมามีอำนาจได้ จากการ เลือกตั้ง หากหมดอำนาจลง ก็จะเสียประโยชน์หลายๆ อย่าง เป็นเหตุผลไม่ยอมลง จากอำนาจง่ายๆ หากโดน ตรวจสอบภายหลังก็จะเสียผลประโยชน์ และการเลือกตั้งภายใต้รัฐบาลทหารเมียนมาไม่มีหลักประกันใดๆ เลย เพราะพฤติกรรมในอดีตไม่น่าเชื่อถือ ไม่ได้สร้างให้คนเห็นในความบริสุทธิ์ใจ ให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายต่อต้าน และเมื่อคนไม่เชื่อใจ ก็มองเป็นการเลือกตั้งจอมปลอมอยู่แล้ว หากจะให้ยอมรับต้องทำตามกฎหมาย ไม่ควรตุกติก”

พรรคสันนิบาต

หรือตราบใดที่นักโทษทางการเมืองยังถูกจับรวมทั้งถูกจองจำ

จะก่อให้การชิงชัย ออกเสียงไม่เป็นธรรม แล้วก็นักการเมืองของพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อระบบประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี ก็ยากจะชิงชัยอย่างเท่าเทียมกัน หากจะเลือกตั้งควรจะทำอย่างตรงไปตรงมา ต้องเลิกคุมสื่อ เลิกคุมการเคลื่อนไหวของประชาชน

แต่ก็ทำไม่ได้ ด้วยเหตุว่าจะถูกล้มล้างอำนาจโดยประชาชนที่เคยถูกปราบปราม ทำให้การลงจากหลังเสือลำบาก จากการละเมิดสิทธิมนุษยชน จัดการกับฝ่ายตรงข้าม และที่สุดแล้วรัฐบาลทหารพม่าจะอยู่ไปอีกยาว กระทั่งประเทศเดินถอยหลัง ทำให้ภูมิภาคของเรามีประเทศถูกตราหน้า กระทบต่อกิตติศัพท์ของอาเซียนไม่จบสิ้น